ฝันที่ขับเคลื่อนอีกหลายฝัน
วันนี้ไปช่วยงาน mini Let's Play ของกลุ่มไม้ขีดไฟมา เลยอยากบันทึกเรื่องราวบางอย่างเอาไว้ เผื่อจะสามารถ muse บางอย่างได้
ทั้งตอนที่ sync กับทีม muse หรือตอนที่ได้มีโอกาสเล่าเรื่อง community ในฝัน ก็มักจะถูกถามตลอดว่าเราใช้อะไรเป็นตัววัดว่า “คน/กลุ่มแบบไหน” น่าสนใจสำหรับเรา ซึ่งพูดกันตรง ๆ ก็ยังไม่ได้มีคำตอบให้ตัวเองชัดเจนขนาดนั้น
วันนี้ได้มีโอกาสไปช่วย contribute กับกลุ่มไม้ขีดไฟ เป็น staff ดูแลความปลอดภัยกิจกรรม Free Play เลยเหมือนจะจับจุดบางอย่างได้เล็ก ๆ
ถ้านับกันตั้งแต่ความรู้สึก “น่าสนใจ” ส่วนตัวมักจะให้ความสนใจคนทำงานประเภท “มวยรอง” คนที่ไม่โด่งไม่ดังในสื่อหลัก คนที่ดูได้รับการสนับสนุนจากคนทำงานที่เรารู้จักและทุกคนดูพยายามผลักดันกลุ่มนี้กันอย่างเต็มที่ กลุ่มที่เวลาโพสต์โซเชียลแล้วได้ไลก์ทีละ 10 20 แต่ก็ยังคงโพสต์ยังคงสื่อสารต่อ มันดูต้องใช้พลังอย่างมากในการจะดำเนินงานต่อ แล้ว “พลังแบบไหน” ที่ผลักดันพวกเขาอยู่
แน่นอนว่ามันก็คงไม่ 100% แต่โชคดีที่ส่วนใหญ่เวลาเราใช้ข้อนี้เป็นตัววัด เรามักจะได้รับประสบการณ์ที่เปิดมุมมองต่อแนวคิดการทำงาน Social Impact ของเรามากขึ้น
ยกตัวอย่างกลุ่มไม้ขีดไฟ สิ่งที่เรารู้สึกทุกครั้งเวลาที่เห็นพวกเขาทำงานคือคนเหล่านี้มีใจจับจดอยู่กับการมองไปที่ปัญหา มากกว่าการยึดติดกับวิธีการ เราแทบจะพบได้ทั่วไปว่าคนทำงานหลายส่วนมักจะติดอยู่บนกรอบที่ว่า “เคยทำแบบนี้มา เลยต้องทำแบบนี้ต่อ” ซึ่งหลายต่อหลายครั้งมันชวนให้สงสัยว่ามีการถอดบทเรียนหรือเปล่าว่าวิธีการของตัวเองมันทำงานกับปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพมากน้อยแค่ไหน
ทำให้เวลาที่ติดตาม หรือพูดคุยเรื่องการทำงาน เราจะรู้สึกได้ทันทีว่าเราเจอ “เพื่อนร่วมอุดมการณ์” เรารู้สึกเชื่อสนิทใจว่าคนเหล่านี้แชร์ความฝันเรื่องสังคมที่เปลี่ยนแปลงเช่นเดียวกัน และแม้โดยส่วนตัวจะค่อนข้างเคารพการทำงานทุกรูปแบบ แต่กับคนที่เรา “อิน” เราจะรู้สึก “อยากสนับสนุน” ความฝันนั้นให้เป็นจริงในทางใดทางหนึ่ง เหมือนกับว่าเราเองก็อยากจะเห็นเหมือนกันว่าหากมันเป็นจริงจะเป็นยังไง
แม้แต่กับพี่ปอน แห่งธรรมดาวิถี ที่ก็ต้องยอมรับตามตรงอย่างที่ย้ำตลอดว่าเราไม่ได้เป็นคนที่รักธรรมชาติอะไรขนาดนั้น แต่เราไม่เคย “เคลือบแคลง” ต่อความฝัน ต่อสังคมในอุดมคติของเขาเลยสักนิด กลับกันยิ่งมีคนที่อยากสร้าง Community ในแง่ที่เรา “ไม่อิน” เรายิ่งรู้สึกว่านี่ต่างหากคือความงดงามของการทำงาน Social Impact คือการที่ทุกคนสามารถนำเสนอวิธีเปลี่ยนแปลงสังคมในแบบของตัวเองได้
ทำให้ถ้าถามว่าเราไปพบเจอคนเจ๋ง ๆ เหล่านี้ (ที่แม้จะไม่ได้เอ่ยนามไว้ ณ ทีนี้) ได้ยังไง เราคงไม่ซื้อว่ามันเป็นเพราะเรามี “วิธี” ในการคัดเลือกคนที่ดี เราอาจจะแค่โชคดีที่เวลาสนใจใครสักคน / กลุ่ม แล้วมันดันไปเจอคนทำนองเดียวกันเลยคุยกันรู้เรื่องเท่านั้น
แต่ถ้าถามว่าทำไมเราถึงยังอยากติดตาม อยากสนับสนุนคนเหล่านั้น เราตอบได้ค่อนข้างชัดเจนว่าเพราะเรา “เชื่อ” ว่าความฝันของอีกฝ่ายมันจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงได้จริง และเป็นความฝันที่นอกจากเราจะร่วมแชร์บางส่วนด้วยแล้ว มันยังเป็นพลังให้เรา “อยากที่จะฝัน” ถึงสังคมแบบที่เราอยากให้เป็น
พูดแบบ muser ก็ต้องบอกว่าเพราะความฝันของพวกเขามัน muse เรามาก ๆ
และมันคงดีมาก ๆ ที่จะมีมากกว่าตัวเราที่ถูก muse ด้วยการทำงานของพวกเค้า มันจึงเป็นไปได้ยากที่เราจะไม่รู้สึก “อยากเล่า” ถึงพวกเขา
เพราะเชื่อว่าหากสิ่งเหล่านี้มัน muse เราได้ มันก็ต้อง muse คนอื่นได้เหมือนกัน