เทศกาลกินปลาทูครั้งที่ 25: แม่กลองของทุกคน
พาเที่ยวงานเทศกาลกินปลาทูครั้งที่ 25 เล่าถึงบรรยากาศและความทรงจำหลังจากไม่ได้กลับมาแม่กลองเป็นเวลา 15 ปี
ช่วงที่ได้มีโอกาสใช้ชีวิตอยู่ที่จังหวัดสมุทรสงคราม ในความรับรู้ เทศกาลกินปลาทู หรือ “งานกินปลาทู” ถือเป็นงานใหญ่ประจำปี แต่ตอนนั้นไม่เคยมีโอกาสได้มาเลยสักครั้ง จนช่วงที่ได้เข้ามาประจำการอยู่ที่กรุงเทพฯ เลยคิดมาตลอดว่าอยากไปเที่ยวงานกินปลาทูให้ได้สักปี ปีนี้เลยตัดสินใจปุบปุบว่าจะต้องมาให้ได้
หลังจากได้เดินเที่ยวงานไปหนึ่งวัน เลยอยากเก็บบรรยากาศมาเล่าให้ทุกคนได้ฟัง
ตั้งแต่วินาทีแรกที่เริ่มเข้าเขตจังหวัดสมุทรสงคราม สิ่งที่กลับมาเป็นความทรงจำในชีวิตช่วงประมาณ 12-13 ปีก่อน สิ่งที่เปลี่ยนไปอย่างชัดเจนคือแม่กลองกลายเป็นเมืองที่คึกคักขึ้นแบบผิดหูผิดตา ตอนที่นั่งรถไฟก็รู้สึกว่ามีนักท่องเที่ยวบนรถไฟที่เดินทางไปแม่กลองเยอะมากอยู่แล้ว แต่พอเข้าเขตตลาดร่มหุบ เหล่านักท่องเที่ยวที่มารอถ่ายรูปรถไฟกลับเยอะกว่ามาก ๆ กลายเป็นว่าทุกวันนี้เค้ายืนเกาะรางโบกมือให้กันอย่างกับงานเทศกาล สมัยก่อนยังรู้สึกว่าน้อยที่สุดคือจะถอยออกมาจากรางอีกประมาณหนึ่ง
หลังจากเตรียมตัวเรียบร้อย เราก็ออกเดินทางลุยงานกินปลาทู
พื้นที่ส่วนใหญ่ของงานก็คงคล้าย ๆ กับงานเทศกาลประจำปีของหลาย ๆ ที่ คือมีการออกร้านอาหาร ร้านเสื้อผ้า รวมถึงส่วนเครื่องเล่นต่าง ๆ
แต่ขึ้นชื่อว่าเทศกาลกินปลาทู ส่วนที่เป็นไฮไลต์ของงานก็คงเป็นพื่นที่ขายปลาทูปรุงสำเร็จจากร้านอาหารดังทั่วแม่กลอง โดยแต่ละร้านนำเมนูปลาทูมาให้เราได้ลิ้มรสกันหลากหลาย เรียกว่าได้กินปลาทูสะใจสมชื่องานจริง ๆ
สิ่งที่น่าสนใจของส่วนนี้คือ มีการจัดการราคาปลาทูปรุงสำเร็จที่มาขายให้อยู่ที่ตัวละ 25 บาท ตอนที่แลกคูปองเพื่อไปซื้อกลัวว่าอยากกินหลายอย่างแล้วคูปองจะไม่พอเลยแลกไป 300 บาท หลังสั่งปลาทูไป 5 ตัว 4 เมนู ข้าว 2 น้ำเปล่า 2 ห่อหมก 1 ยังแลกคูปองคืนกลับมาได้ร้อยกว่าบาท
ซึ่งราคานี้นอกจากจะสบายกระเป๋าแล้ว หากมองในแง่ของการเข้าถึงนี่คือการเปิดการเข้าถึงให้ครอบคลุมทั้งคนที่มาเป็นครอบครัว กลุ่มวัยรุ่น นักเรียนมัธยม และสามารถกินเป็นมื้ออาหารมื้อหนึ่งได้เลย ไม่ใช่แค่อาหารตามเทศกาลที่เราอาจจะแค่กินเพื่อให้ได้บรรยากาศเท่านั้น
และดาวเด่นของปีนี้ ที่เป็นเหตุผลให้ตัดสินใจมางาน คือเจ้า “ปาป้าทูทู่” มาสคอตสุดน่ารักที่เรียกกระแสตอบรับจากผู้คนในโลกออนไลน์ได้เป็นจำนวนมาก ช่วงปาป้าทูทู่พบปะประชาชนก็มีคนมาขอถ่ายรูปไม่ขาดสาย น่าภูมิใจแทนคนทำงานที่ตั้งใจออกแบบและทำแคมเปญประชาสัมพันธ์กันอย่างเต็มที่
ก่อนกลับเลยแวะอุดหนุนสินค้าของปาป้าทูทู่เพื่อเป็นกำลังใจให้คนทำงานอีกต่อหนึ่ง เพื่อน ๆ ทักมาพรีออเดอร์ของกันไม่หยุด บอกเลยว่าพลังของปาป้าทูทู่แผ่ไปไกลถึงเชียงใหม่เลยทีเดียว
ช่วงเย็น ๆ งานอาจจะยังไม่ได้คึกคักมาก เลยเดินตัดออกไปฝั่งสวนสุขภาพเพื่อพักรอเวลา พอดีกับที่กลุ่มพี่ ๆ ชมรมเต้นแอโรบิกกำลังออกกำลังกายกันอย่างแข็งขัน ส่วนเราก็แอบเต้นอยู่ข้าง ๆ พอสังเกตดี ๆ แล้วนอกจากพี่ ๆ ชมรมแอโรบิก ก็ยังมีน้อง ๆ นักเรียนมัธยมจำนวนมากใช้พื้นที่สาธารณะในการพักผ่อนหย่อนใจ ปัจจุบันมีการจัดสรรพื้นที่สำหรับนันทนาการเพิ่มอีกหลายส่วน ซึ่งแต่ละส่วนก็ถูกใช้สอยจนเต็มพื้นที่ ดูเป็นสวนสาธารณะที่คึกคักและตอบโจทย์คนในพื้นที่อย่างมาก
มุมหนึ่งของสวนสุขภาพ มีส่วนจัดแสดงของงานกินปลาทูอีกส่วนหนึ่ง ฝั่งหนึ่งเป็นเวทีสำหรับเล่นโฟล์กซองและแสดงความสามารถของน้อง ๆ เยาวชน อีกฝั่งหนึ่งเป็นแกลเลอรีจัดแสดงภาพถ่าย และภาพวาดผลงานพี่น้องในจังหวัดสมุทรสงคราม มีทั้งสายประกวดและสายจัดแสดง ส่วนนี้ของงานจึงให้ความรู้สึกเหมือนเป็นพื้นที่แสดงออกของพลังเยาวชนที่ชวนคิดถึงอดีต เพราะสมัยก่อนเราเองก็เคยทำงานในส่วนนี้เหมือนกัน
หลังเดินจนเหนื่อย ก็มานั่งพักหน้าเวทีใหญ่กลางงาน สิ่งแรกที่สะดุดตาและประทับใจมาก ๆ คือป้ายผู้สนับสนุนงานที่เต็มไปด้วยธุรกิจท้องถิ่น ยิ่งตอนที่อ่านผู้สนับสนุนที่ไม่มีป้ายขึ้นเวทียิ่งพบว่าเป็นงานที่ได้รับการสนับสนุนจากธุรกิจท้องถิ่นอย่างคับคั่ง สะท้อนพลังของ Local Community ออกมาได้อย่างดี
พอฟ้าเริ่มมืด เวทีกลางก็เริ่มมีการแสดง เริ่มกันด้วยวงดนตรีคอมโบจากโรงเรียนในพื้นที่จังหวัดมาแสดงความสามารถ ต่อด้วยกิจกรรมการแสดงของนักเรียน มีตั้งแต่รุ่นเล็กสุดน่ารักไปถึงรุ่นมัธยมที่จริงจังและแม่นยำ
ก่อนปิดท้ายด้วย “รุ่นใหญ่สุด” ถ้าเป็นปลาทูก็เข่งสองตัวร้อยสองตัวร้อยยี่ คือการแสดงจากพี่ ๆ ชมรมแอโรบิก ที่มาสร้างสีสันในช่วงท้ายก่อนเข้าสู่การประกวดร้องเพลงรอบคัดเลือก
ระหว่างที่เดินเที่ยวงาน เราเห็นกลุ่มน้อง ๆ มัธยมเดินผ่านไปมา มีทั้งมาเป็นคู่ มาเป็นกลุ่มเพื่อน ชวนให้คิดถึงอดีตตอนที่อายุน่าจะใกล้ ๆ กับน้อง ๆ เหล่านั้น แล้วก็มารู้สึกได้ว่างานแบบนี้มันไม่ใช่แค่สีสันของเมือง ไม่ใช่แค่งานที่เรียกนักท่องเที่ยวมาใช้จ่ายแล้วจากไป แต่เป็นงานที่เกี่ยวพันกับวิถีชีวิตของผู้คนอย่างลึกซึ้ง
ยิ่งเมื่อคิดถึงราคาปลาทู คิดถึงพื้นที่การแสดงงานของเยาวชน คิดถึงการเข้าถึงพื้นที่สาธารณะและงานแสดงที่ให้ความรู้สึกว่าแม้จะเป็นงานระดับจังหวัดแต่มันเข้าถึงชีวิตผู้คนอย่างน่าประหลาด
สิ่งที่ “muse” เราอย่างมาก เมื่อได้มาเดินงานกินปลาทูครั้งนี้ ไม่ใช่เรื่องที่มันได้รับความสนใจหรือกระตุ้นเศรษฐกิจได้เป็นกอบเป็นกำ
แต่มันเป็นงานที่เมื่อมองไปทางไหนเราก็รู้สึกถึงความร่วมไม้ร่วมมือของผู้คนที่ช่วยกันผลักดันงานนี้ไปด้วยกัน มองเห็นพื้นที่ทางโอกาสที่พยายามจะส่งต่อไปยังผู้คนในเมือง มันให้ความรู้สึกว่าแม้จะเป็นจังหวัดเล็ก ๆ แต่แม่กลองก็เป็นเมืองของทุกคนจริง ๆ
สำหรับท่านใดที่สนใจ เชิญชวนให้มาเที่ยวเทศกาลกินปลาทูครั้งที่ 25 จังหวัดสมุทรสงคราม ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมงจากกรุงเทพฯเท่านั้น (ถ้าไม่เจออภินิหารถนนพระราม 2) งานเริ่มตั้งแต่ 8.00 น. - 21.00 น. ต่อเนื่องไปจนถึงวันที่ 17 ธันวาคม โดยเฉพาะวันสุดท้ายที่ขึ้นชื่อว่าเป็นวันที่คึกคักและสนุกสนานที่สุด
หากมีโอกาสได้พูดคุยกับทีมงานในส่วนงานใด จะนำมาเล่าให้ฟังถึงเบื้องหลังและที่มาที่ไปอีกครั้งหนึ่ง