เลือกตั้ง 66: พลังแห่ง Contributors
ชวนดูพลังของประชาชน ที่มากกว่าแค่การออกมาใช้สิทธิใช้เสียงเลือกตั้ง
หลังจากทราบผลอย่างไม่เป็นทางการของการเลือกตั้งทั่วไป พ.ศ.2566 แล้ว หลายคนอาจกำลังเห็นภาพประเทศไทยที่เปลี่ยนไป เพราะนี่ถือเป็นปรากฏการณ์ที่สำคัญของประเทศในหลาย ๆ แง่มุม ตั้งแต่เป็นการเลือกตั้งที่มีผู้มาใช้สิทธิมากเป็นประวัติการณ์ และมากที่สุดในประวัติศาสตร์หลายพื้นที่เมื่อนับเป็นรายจังหวัด รวมถึงผลการเลือกตั้งที่อดีตพรรคร่วมฝ่ายค้านสามารถรวมเสียงได้เกิน 300 เสียง รวมถึงการที่พรรคก้าวไกลมีคะแนนเสียงเป็นอันดับหนึ่งเหนือเพื่อไทยที่พ่ายแพ้ในเวทีเลือกตั้งเป็นครั้งแรก
ยิ่งไปกว่านั้น หากเราติดตามการเลือกตั้งอย่างใกล้ชิด ปฏิเสธไม่ได้ว่านอกจากการออกมาใช้สิทธิของประชาชนที่ถล่มทลายแล้ว อีกโมเมนต์สำคัญคือการที่ประชาชนต่างตื่นตัวมาร่วม “จับตา” และตรวจสอบการทำงานของเจ้าหน้าที่อย่างล้นหลาม
อาสาสมัครจับตาเลือกตั้ง
หากใครจำได้ เราเคยเล่าเกี่ยวกับโครงการที่ต้องการอาสาสมัครจับตาเลือกตั้งเพื่อช่วยกันเป็นหูเป็นตาให้การเลือกตั้งครั้งนี้ถูกต้องและโปร่งใส โดยตั้งเป้าเอาไว้ว่าต้องการอาสาสมัครมากถึง 100,000 คน เพื่อให้ครอบคลุมถึงหน่วยเลือกตั้งทั้งหมด
แน่นอนว่าเป้าหมายหนึ่งแสนคนไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะนี่ไม่ใช่แค่ “จำนวน” เพียงอย่างเดียว แต่เป็นเรื่องของ “พื้นที่” ด้วย ทำให้สุดท้ายแม้ผลไม่เป็นตามเป้า แต่ก็ยังสามารถรวบรวมอาสาสมัครแบบลงทะเบียนได้มากถึง 3 - 40,000 คนเลยทีเดียว
ซึ่งลำพังตัวเลขนี้ก็น่าทึ่งมากแล้ว แต่เมื่อมาดูที่ตัวเลขการรายงานผลจะยิ่งทึ่งเข้าไปอีก เพราะจากหน่วยเลือกตั้งจาก 9 หมื่นกว่าหน่วย เหล่าอาสาสมัครจับตาเลือกตั้งสามารถถ่ายคะแนนรายกระดานแล้วส่งมาทำข้อมูลได้มากถึง 30,000 หน่วยเลยทีเดียว โดยนับเป็นจำนวนรูปทั้งหมดได้มากถึง 400,000 รูปเลยทีเดียว
นอกจากการทำงานหน้าหน่วยแล้ว ยังมีอาสาสมัครอีกจำนวนไม่น้อยที่มาช่วยทำหน้าที่นำคะแนนจากรูปถ่ายกรอกเข้าสู่ระบบ ซึ่งมีการกรอกสำเร็จครบถ้วนมากถึง 20,000 หน่วย เลยทีเดียว
และต้องไม่ลืมว่าทั้งหมดนี้เป็นระบบ “อาสาสมัคร” ที่มาช่วย contribute กันแทบจะ 100% โดยภายหลังก็ได้มีการตั้งเป้าจะกรอกให้เสร็จสมบูรณ์เพื่อใช้ในการตรวจสอบผลคะแนนกับคณะกรรมการเลือกตั้งอีกครั้งหนึ่ง
อาสาสมัคร อาสาสมัครจับตาการเลือกตั้ง
อ่านไม่ผิดหรอกครับ เพราะนอกจากทีมอาสาสมัครจับตาการเลือกตั้งแล้ว ยังมีประชาชนที่ “อาสา” มาร่วมจับตาการเลือกตั้งอีกเป็นจำนวนมาก
ดังที่จะเห็นว่าในหลาย ๆ เขตมีปัญหาเรื่องการนับคะแนน เกิดการโต้แย้งและตรวจสอบกันอย่างเข้มข้น ทำให้หลาย ๆ เขตจำเป็นที่จะต้องทำการนับคะแนนอย่างโปร่งใสที่สุด เพราะมีประชาชนจับตาดูอยู่เป็นจำนวนมาก ในหลาย ๆ เขตที่มีการทำงานผิดพลาดหรือไม่โปร่งใส ก็ได้ประชาชนนี่แหละที่คอยกระจายข่าวกัน ทำให้ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครอย่างคุณชัชชาติต้องวิ่งวุ่นเพื่อเป็นสื่อกลางในหลาย ๆ หน่วย
บางพลัด ไม่ยอม
หนึ่งในพื้นที่ที่ต้องเรียกว่า “ดุเดือด” อย่างมากคงต้องยกให้เขตบางพลัด เนื่องจากผู้อยู่ในเหตุการณ์หลายคนเล่าว่าในช่วงนับผลคะแนนรายหน่วย อยู่ ๆ เจ้าหน้าที่ก็ยกหีบบัตรเลือกตั้งเข้าไปนับในสำนักงาน เกิดความสงสัยกับประชาชนเพราะตามกฎหมายแล้วไม่สามารถย้ายหีบเลือกตั้งออกไปนับนอกจุดลงคะแนนได้
เรื่องราวมาคุกรุ่นยิ่งขึ้นตรงที่เมื่อประชาชนขอเข้าฟังการนับคะแนนและถ่ายทอดภาพสด (Live) การนับคะแนนก็ไม่ถูกอนุญาตและถูกกีดกันจากเจ้าหน้าที่ จนประชาชนจำนวนมากเข้าไปกดดันเจ้าหน้าที่ และยืนเฝ้าหน่วยเลือกตั้งกันอยู่อย่างนั้นยันดึกดื่น ก่อนที่ผู้ว่าฯ ชัชชาติจะเข้ามาช่วยสื่อสารทำความเข้าใจ จนสถานการณ์สงบลงในที่สุด
สิ่งที่ต้องนับถือใจสุด ๆ จากกรณีนี้ คือเหล่าประชาชนที่อยู่ติดตามผลการเลือกตั้งตั้งแต่เวลา 17.00 น. จนต่อเนื่องไปถึงช่วงข้ามคืนของอีกวัน และมีการมาสมทบกันอย่างต่อเนื่องหลังจากทราบข่าว เรียกว่าทุ่มกันสุดตัวมาก ๆ แม้วันต่อมาจะเป็นวันจันทร์วันทำงานปกติ การเสียสละของประชาชนในครั้งนี้สะท้อนหลาย ๆ อย่างเด่นชัดมาก ๆ
นับคะแนนใหม่
ในขณะที่หลายเขตมีการทักท้วงได้อย่างทันท่วงทีจนมีการแก้ไขภายในวันเลือกตั้ง แต่ก็มีอีกจำนวนไม่น้อยที่มีการร้องเรียนเพื่อนับคะแนนใหม่หลังจากมีการสรุปผลไปแล้ว หลายต่อหลายเขตไม่สามารถสร้างความเชื่อใจให้ประชาชนที่มาสังเกตการนับคะแนนได้ จนนำมาสู่การร้องเรียนให้มีการนับคะแนนใหม่อีกรอบ ซึ่งการนับคะแนนใหม่ในหลาย ๆ พื้นที่ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย และต้องมีการทำเรื่องหลายขั้นตอน จนเกิดการนัดหมายการนับคะแนนใหม่ใน “วันถัดไป”
หมายความว่าหลังจากที่ติดตามต่อเนื่องมาตั้งแต่เย็นยันค่ำ หากต้องการจับตาการนับคะแนนต่อ ต้องมาจับตาอีกทีในวันพรุ่งนี้ด้วย
แต่พี่น้องประชาชนจำนวนมากก็ไม่หวั่น และมีหลายพื้นที่ที่ประชาชน “ยืนยัน” ว่าจะคอยสังเกตการณ์ให้ถึงที่สุด เพื่อให้การนับคะแนนเป็นไปอย่างถูกต้องและโปร่งใส
ก้าว Geek movement
หลังจากทราบผลคะแนนอย่างไม่เป็นทางการว่าพรรคก้าวไกลได้รับคะแนนเสียงจากประชาชนเป็นอันดับ 1 ทำให้ส.ส.เท้ง ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ เปิดโปรเจ็คติดตามผลนโยบายของพรรคก้าวไกล เพื่อให้เป็นช่องทางสำหรับประชาชนในการติดตามว่านโยบายใดมีการดำเนินการอย่างไร ดำเนินการไปถึงไหนแล้วบ้าง
ทำให้เกิด ก้าว Geek ซึ่งเป็น Community ของ contributors ที่อยากร่วมทำงานด้านส่งเสริมนโยบายกับทางพรรคก้าวไกล โดยตั้งต้นเป็นกลุ่มในแอพลิเคชัน slack แต่เมื่อกลุ่มมีการขยายอย่างรวดเร็วจึงได้มีการย้ายแพล็ตฟอร์มไปอยู่บน Discord แทน และเปิดประชุมสมัยแรกด้วยการมี contributors เข้าร่วมมากถึง 500 คน ปัจจุบันมีสมาชิกกลุ่มมากถึง 150,000 คน
ต้องย้ำอีกว่าปรากฎการณ์ทั้งหมดที่เล่ามานี้เป็นงานที่เกิดโดย “อาสาสมัคร” ทั้งสิ้น คือหากมีใครสามารถจัดตั้งมวลชนได้ระดับนี้เราอาจจะต้องกังวลกันอยู่บ้าง เพราะฐานของมวลชนกว้างขวางครอบคลุมไปแทบจะทุกชนชั้นและทุกพื้นที่
การเลือกตั้งครั้งนี้จึงไม่ใช่แค่การสะท้อนเจตจำนงของประชาชนเพียงเท่านั้น แต่ยังช่วยยืนยันว่ามีคนอีกจำนวนไม่น้อยที่พร้อมจะ contribute สิ่งต่าง ๆ ให้สังคมโดยมองถึงผลประโยชน์ทางสังคม (Social Profit) ร่วมกัน
อาจจะพูดได้ว่าการเลือกตั้งครั้งนี้สามารถสำเร็จลุล่วงได้ เพราะการร่วมมือร่วมใจ และการลงแรงกายแรงใจของประชาชนที่ต้องการเห็นประเทศเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นบนวิถีทางประชาธิปไตย
จึงเป็นเรื่องที่น่าเสียดายเล็กน้อยที่หลังเลือกตั้งเสร็จวันต่อมาทุกคนก็ต้องกลับไปทำงานตามปกติทั้งที่สู้มาอย่างเหน็ดเหนื่อยเกือบทั้งวัน เห็นการต่อสู้ของทุกคนแล้วก็รู้สึกว่าเราน่าจะมีเวลาให้คนเหล่านี้ได้พักผ่อน ได้ผ่อนคลายเพิ่มขึ้น เพราะสำหรับบางคนที่มีวันหยุดวันอาทิตย์วันเดียว นั่นหมายความว่าสัปดาห์ที่ผ่านมาเขาไม่ได้หยุดสักวัน
แต่อย่างน้อยการตื่นไปทำงานในวันจันทร์ที่ผ่านมาก็คงจะทำให้หลายคนไม่รู้สึกเหมือนก่อน เป็นการตื่นมาพร้อมความหวังที่จะได้เห็นประเทศเดินหน้าไปในทิศทางที่ควรจะเป็นมาหลายปีแล้ว