แค่ซื้อเกมก็เหมือนได้ช่วยโลก
ชวนมารู้จักแง่มุมหนึ่งของเกม ที่ไม่ใช่แค่สื่อบันเทิงไร้สาระเพียงอย่างเดียว แต่ยังถูกใช้เป็นพลังขับเคลื่อนให้สังคมเปลี่ยนแปลงได้อีกด้วย
เวลาที่บอกคนอื่นว่าชอบเล่นเกม อย่างดีหน่อยก็คงถูกมองว่าเป็นความชอบของใครของมัน อย่างร้ายที่สุดก็คือการถูกมองว่าเป็นเรื่องไร้สาระไม่สมวัยไป แต่ไม่ว่าจะแบบก็ยังคงสะท้อนถึงแนวคิดที่มองเกมเป็นเรื่อง “ไม่มีแก่นสาร” หรืออาจถูกตัดสินให้เป็นเพียงความบันเทิงจรรโลงใจเพียงแค่นั้น
วันนี้เลยอยากมาเล่าถึงเรื่องการเล่นเกม ที่ทำให้เราได้สร้าง Impact บางอย่างกลับไปสู่สังคมด้วย
Humble bundle: ร้านเกมเคลื่อนโลก
เมื่อพูดถึงร้านขายเกมแบบ Online เราอาจจะนึกถึงเจ้าใหญ่อย่าง Steam แต่ร้านหนึ่งที่ส่วนตัวสนับสนุนมาเนิ่นนานคือ Humble bundle ร้านเกมใส่ใจสังคมที่สร้าง model นำรายได้จากการขายไปสนับสนุนองค์กรเพื่อสาธารณะประโยชน์ต่าง ๆ
แนวคิดของ Humble bundle คือการทำ bundle เกมขึ้นมา ประกอบด้วยหลายเกม แล้วเราสามารถเลือกได้ว่าจะจ่ายเงินเพื่อรับขั้นต่ำกี่เกม เช่น จ่าย 3 US dollar รับ 3 เกม จ่าย 5 US dollar รับเพิ่มเป็น 5 เกม แต่ถ้าจ่ายถึง 10 US dollar ขึ้นไปจะได้รับเกมทั้งหมดใน Bundle ซึ่งบางครั้งอาจจะรวมกันได้เป็นหลัก 10 เกมเลยทีเดียว
ซึ่งราคาเกมของแต่ละ bundle ก็จะแตกต่างกันไป ใน bundle ที่มีเกมเกรด A ก็อาจจะราคาสูงกว่าตัวอย่าง แต่เมื่อเทียบกับราคาเต็มของ 1 เกมแล้วอาจจะคุ้มค่ากว่า เช่น ก่อนหน้านี้ที่มี bundle ของเกมขวัญใจมหาชนอย่าง Residence Evil ที่หากจ่ายในราคา 30 US dollar (ประมาณ1000 บาท) จะได้รับเกมภายใน Franchise เกือบทั้งหมดไปทันที (ขาดเพียงแค่ RE4 remake ที่พึ่งออกล่าสุดเพียงเกมเดียว)
ตามรายงานปีล่าสุดของ Humble bundle (2023) สามารถระดมทุนจากการขายเพื่อองค์กรสาธารณะประโยชน์ได้ถึง 14.4 ล้าน US dollar และสนับสนุนองค์กร Social Impact มากกว่า 7500 องค์กร โดยมียอดระดมทุนต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2010 อยู่ที่ประมาณ 260 ล้าน US dollar
ในสมัยก่อนยิ่งสนุกกว่านี้ เพราะในเงินที่เราจ่ายให้ Bundle เราสามารถเลือกได้ว่าจะสนับสนุนองค์กรไหน (บางครั้งมีให้เลือกหลายองค์กร) และเลือกว่าสัดส่วนจากเงินที่เราจ่าย จะจ่ายเป็นการกุศลเท่าไร สนับสนุผู้พัฒนาเท่าไร และสนับสนุน Humble bundle เท่าไร
แถมใครที่ไม่ได้เป็นสายเล่นเกม ทางเว็บก็ยังมี bundle ที่เป็นหนังสือ หรือ software ที่น่าสนใจ และในบางช่วงที่มีการลดราคาก็คุ้มสองต่อ คือราคาก็คงไม่ได้ถูกกว่าร้านอื่น ๆ มาก แต่แน่ใจได้ว่าเงินส่วนหนึ่งจะถูกนำไปสนับสนุนการผลักดันสังคมให้กลายเป็นที่ที่ดีขึ้น
จริง ๆ อีกหนึ่ง highlight ที่อยากพูดถึงในครั้งนี้ คือ Humble choices monthly ที่ให้เราสมัครสมาชิกรายเดือนเพื่อรับเกมมากมายไปเป็นเจ้าของด้วยราคา 11.99 US dollar ต่อเดือน แต่ได้รับเกมในมูลค่าที่เรียกว่าสุดคุ้ม แถมยังมีคูปองลดราคาสำหรับคนที่สนใจนำไปซื้อเกมอื่น ๆ และสิ่งที่ subscription service อื่น ๆ ให้ไม่ได้คือการที่เราสามารถ “ข้าม” เดือนใดก็ตามที่เรารู้สึกว่าเกมที่ได้ไม่คุ้มค่าหรือไม่ประทับใจ แถมยังสามารถยกเลิกและสมัครใหม่ได้ตลอดเวลา
ซึ่งในรอบนี้ที่ภูมิใจนำเสนออย่างมากเพราะเกมที่แจกมีชื่อของ Coral Island เกมปลูกผักทำฟาร์มบนเกาะห่างไกลที่ประสบปัญหาขยะทะเลและคราบน้ำมันบนชายฝั่ง โดยเรามีภารกิจที่จะต้องฟื้นฟูธรรมชาติบนเกาะให้กลับมาอุดมสมบูรณ์อีกครั้ง
Coral Island เปิดโปรเจ็คบน kickstarter ด้วยไอเดียของเกมทำฟาร์มที่อยากพูดถึงประเด็นด้านสิ่งแวดล้อม ก่อนจะได้รับการสนับสนุนอย่างล้นหลาม โดยสามารถ completed milestone แรกได้ภายในเวลาไม่ถึงสองวัน และปิดการระดมทุนไปที่ 1.6 ล้าน US dollar โดยมีผู้สนับสนุนมากถึง 36,000 คน ทำให้ Coral island ถือเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของเกมที่ไม่ใช่แค่การค่าเวลาไร้สาระไปวัน ๆ
อันที่จริง นอกจาก Coral Island แล้ว ยังมีเกมอีกมากมายที่ถูกสร้างในฐานะโปรเจ็คขับเคลื่อนสังคม เช่น This war of mine เกมว่าด้วยผลกระทบจากสงครามที่สามารถระดมทุนช่วยเหลือเด็กที่ได้รับผลกระทบจากสงครามกว่า 5 แสน US dollar ในปี 2022 หรือเกมที่พูดถึงประเด็นสังคมอื่น ๆ เช่น Bangkok story: Stray dog เกมสัญชาติไทยที่พูดประเด็นเรื่องชีวิตคนไร้บ้าน ที่มีแผนจะวางขายในปีนีั เป็นต้น
ต้องย้ำอีกครั้งว่าเหล่านี้เป็นเพียงตัวอย่างของอีกจำนวนมาก ที่ game community พยายามจะ contribute บางอย่างคืนสู่สังคม และหวังว่าเกมจะไม่ถูกมอง (จากทุกฝ่าย) ว่าเป็นเพียงสื่อบันเทิงไร้สาระเพิ่มมากขึ้น