เมื่อการก็อปปี้คือคุณธรรม
ชวนรู้จักศาสนาที่สนับสนุนให้คนเราก็อปและแชร์ไฟล์อย่างอิสระ
ควันหลงจากเรื่องภาพจาก AI ที่ล่าสุดมีการตัดสินทางกฎหมายว่า “ไม่ถือว่ามีลิขสิทธิ์” แม้ผู้พัฒนาจะใช้ลายเส้นของตนเองก็ตาม จนเกิดเป็นข้อถกเถียงว่าจริง ๆ แล้วภาพที่สร้างขึ้นจาก AI นั้นควรมีตำแหน่งแห่งที่แบบใด ไม่ว่าจะเรื่องการเทรน AI ที่น้อยนักจะตรวจสอบได้ว่ามีการละเมิดลิขสิทธิ์หรือไม่ รวมถึงการเทรน AI ที่ใช้รูปจากผู้สมัครใจควรถือลิขสิทธิ์อย่างไร ฯลฯ
เมื่อประเด็นหลักคือ “ลิขสิทธิ์” สิ่งที่ตามมาคือคนมักมองว่ามันคือ “ความถูกต้อง” ที่จะละเมิดมิได้ และหลายต่อหลายครั้งที่เรามักมองลิขสิทธิ์เป็น “ศีลธรรม” และเข้าใจตรงกันว่าสิ่งนี้เป็นสิ่งที่คนทั้งโลกยอมรับร่วมกัน
เลยชวนให้นึกถึง “ศาสนา” หนึ่งที่สนับสนุนให้คนก็อปปี้ไฟล์และส่งต่อ โดยมองว่าเป็นพิธีกรรมศักดิ์สิทธิ์ที่จะสร้างสรรค์โลกให้ดีขึ้น ก็เลยอยากมาเล่าให้ทุกคนฟัง
ศาสนานี้มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า Missionary Church of Kopimism (Missionerande Kopimistsamfundet: Swedish) โดยยึดถือหลักปฏิบัติว่าการคัดลอกข้อมูลคือวัตรศักดิ์สิทธิ์ และสนับสนุนให้คนแชร์ไฟล์กันอย่างอิสระ
Kopimism อธิบายว่าความรู้นั้นควรส่งต่อถึงทุกคนอย่างเท่าเทียม การค้นหาความรู้และการหมุนเวียนของข้อมูลเป็นปัจจัยหลัก ทำให้การส่งต่อข้อมูลความเป็นเรื่องศักดิ์สิทธิ์
Kopimist จึงมีพันธกิจหลักคือการแบ่งปันข้อมูลทางอินเตอร์เน็ต โดยมองว่าการส่งต่อในลักษณะนี้ควรเป็นสิทธิ์โดยชอบธรรม อีกทั้งการส่งต่อข้อมูลจะเป็นการแลกเปลี่ยน ผสมผสาน และช่วยพัฒนาข้อมูลให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และเข้าถึงคนได้มากขึ้น ข้อมูลทั้งหลายจึงไม่ควรถูกปิดกั้นหรือติดข้อจำกัดทางกฎหมาย
Kopimism เป็นคำกลายมาจากคำว่า Copy me ก่อตั้งขึ้นในปี 2010 โดย Isak Gerson และ Gustav Nipe ณ ประเทศสวีเดน โดยในขณะนั้น Isak ยังเป็นนักศึกษาปรัชญาอายุเพียง 19 ปีเท่านั้น หากสิ่งนี้เกิดขึ้นในไทยก็คงจะถูกมองว่าเป็นเรื่องไร้สาระเพ้อเจ้อของเด็กปากยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม แต่ปรากฏว่า Missionary Church of Kopimism ได้รับการรับรองให้เป็นศาสนาอย่างถูกกฎหมายโดยรัฐบาลสวีเดนในปี 2012 หลังจากพยายามยื่นของจัดตั้งถึงสามครั้ง
นี่ดูไม่ใช่จะเป็นแค่การเคลื่อนไหวเชิงสัญลักษณ์ธรรมดา เพราะว่าศาสนานี้ยังมี “พิธีกรรม” และนักบวชของตัวเองจริงจัง โดยมีการจัดพิธีแต่งงานครั้งแรกในปี 2012 ณ ประเทศเซอร์เบียให้แก่ผู้ศรัทธา โดยมีนักบวชที่เรียกว่า Kopimistic Op (Operator) สวมหน้ากากขาวแบบภาพยนตร์ V for Vendetta และมีการใช้ระบบคอมพิวเตอร์ในการอ่านคำสัตย์สาบานในพิธี อธิบายว่าความรักคือการแบ่งปัน และการร่วมกันพัฒนาตั้งแต่ระดับความคิดจนถึง DNA แล้วสร้างสิ่งใหม่ขึ้นมาในอนาคต นั่นคือจิตวิญาณของ Kopimism
และแม้จะถูกก่อตั้งและได้รับการรับรองในสวีเดน แต่องค์กรศาสนานี้กลับมีอิทธิพลกว้างไกลในระดับนานาชาติ โดยมีกลุ่มผู้ศรัทธาอยู่ทั้งในประเทศแคนาดา ญี่ปุ่น อิสราเอล และรัฐอิลเลียนอยส์ สหรัฐอเมริกาในฐานะองค์กรไม่แสวงผลกำไร
ทั้งนี้ท่ามกลางความน่าตื่นเต้น ก็มีการตั้งคำถามถึงเป้าหมายที่แท้จริงของการจัดตั้งศาสนา มีคนพยายามจะเชื่อมโยงว่านี่เป็นการโฆษณาให้กับเว็บไซต์เพื่อการส่งต่อไฟล์ละเมิดลิขสิทธิ์หรือไม่ รวมถึงมองว่าเป็นเพียงการ “ละเล่นทางการเมือง” และเป็นการลดทอนความน่าเชื่อถือขององค์กรศาสนา
หากเรามองไปที่สวีเดน เราจะพบว่ามี movement ด้านการต่อต้านการปิดกั้นข้อมูล รวมถึงการต่อต้านลิขสิทธิ์อยู่จำนวนไม่น้อย โดยมีองค์กรเพื่อในการพัฒนานโยบายด้านการต่อต้านเอกสิทธิ์ทีี่จัดตั้งขึ้นมาตั้งแต่ปี 2003 ใจความสำคัญคือการต่อต้านการปิดกั้นการส่งต่อข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์ชื่อว่า Piratbyrån (The Pirate Bureau: English) โดยเคยมีการจัดพิมพ์รวมบทความว่าด้วยศักยภาพของการคัดลอกข้อมูลเอาไว้ในนาม Copy me ซึ่งเป็นแรงบันดาลใจตั้งต้นของการเกิด Kopimism อีกด้วย
แต่ต้องย้ำว่านี่เป็นอีกหนึ่งขบวนการที่กำลังวิพากษ์และโจมตีศีลธรรมที่ชื่อว่า “ลิขสิทธิ์” นอกจากนี้ยังมีกลุ่ม “ลิขซ้าย” ที่เชื่อว่าสิ่งใดที่ได้รับมาโดยไม่เป็นเอกสิทธิ์ไม่ควรสามารถถือเป็นเอกสิทธิ์ได้ และมีขบวนการ Anti-privacy อีกจำนวนไม่น้อย
“ลิขสิทธิ์” เองจึงยังมีรายละเอียดและข้อถกเถียงรายล้อมอยู่เป็นจำนวนมาก การถกเถียงเรื่องลิขสิทธิ์เองก็แทบจะกลายเป็นประเด็นถกเถียงที่กว้างขวางในโลกปัจจุบัน เพียงแค่เราอยู่ในประเทศที่วัฒนธรรมการวิพากษ์ไม่แข็งแรงเราเลยมองมันได้แค่ “ศีลธรรม” ที่ต้องไม่ละเมิดเพียงเท่านั้น