Innovating Aging Solutions: นวัตกรรมเปลี่ยนโลกสูงวัย
Showcase นวัตกรรมเพื่อสังคมในประเด็นผู้สูงอายุประจำเดือนกรกฎาคม จัดโดย YoungHappy
ประเทศไทยกำลังเข้าสู่การเป็นสังคมผู้สูงอายุ เป็นประเด็นที่มีการพูดถึงอย่างยาวนานและต่อเนื่องจนเชื่อว่าเราน่าจะต้องเคยผ่านหูกันมาบ้างครั้งสองครั้ง
แต่ปัญหานี้จริงจังแค่ไหน เข้มข้นแค่ไหน หรือสถานการณ์ต่อเนื่องเป็นอย่างไร เราคงไม่ค่อยได้มีโอกาสรับรู้ได้อย่างแน่ชัด จนบางทีคำนี้ก็เหมือนกลายเป็น buzz word ที่ใคร ๆ ก็อยากพูด
แล้วตกลงสถานการณ์ด้านสังคมผู้สูงอายุเป็นอย่างไร ขับเคลื่อนไปถึงไหน และมีใครบ้างที่ทำงานด้านนี้อยู่ ครั้งนี้จึงถือเป็นโอกาสดีที่จะเข้าร่วมฟังกิจกรรมแลกเปลี่ยนด้านนวัตกรรมสังคมผู้สูงอายุอย่าง Innovating Aging Solutions ที่จัดโดย YoungHappy กลุ่มขับเคลื่อนประเด็นผู้สูงอายุผ่านนวัตกรรม
Community ที่ส่งเสริมให้ผู้สูงอายุ “ยังแฮปปี้” กับการใช้ชีวิต
เคยได้มีโอกาสได้ยินชื่อ YoungHappy มาก่อน แต่ด้วยลักษณะงานที่ยังไม่ได้ไปเฉี่ยวในประเด็นใกล้ ๆ กันเลยไม่มีโอกาสได้เชื่อมต่อกับทีมนี้สักที จนงานในครั้งนี้อยู่ในจังหวะที่ลงตัวทั้งด้านเวลาและส่วนงาน เลยคิดว่าอยากมีโอกาสไปทำความรู้จักสักครั้ง
แม้หากมองไปที่ผลิตภัณฑ์ YoungHappy ดูเป็นกิจการเพื่อสังคมในลักษณะของ Innovator ที่ใช้นวัตกรรมมาช่วยขับเคลื่อนในประเด็นผู้สูงอายุในแง่ต่าง ๆ แต่ YoungHappy ไม่ได้ทำงานเพียงแค่นั้น เพราะนอกจากประเด็นเรื่องการเรียนรู้ตลอดชีวิตผ่าน Ed-Tech ยังมีส่วนที่เป็นกิจกรรมออฟไลน์ มีพื้นที่กายภาพในการสนับสนุนกิจกรรมต่าง ๆ จึงไม่ผิดไปมากหากจะบอกว่า YoungHappy ตั้งเป้าในการเป็น Community สำหรับรองรับโครงสร้างสังคมที่กำลังจะเปลี่ยนแปลง
YoungHappy มีพื้นที่เพื่อส่งเสริมกิจกรรมของผู้สูงอายุชื่อ Happy Space ตั้งอยู่ที่สามย่านมิตร์ทาวน์ โดยในปัจจุบันมีสมาชิกใน Community มากถึง 60,000 คน ใน 74 จังหวัดทั่วประเทศ
สถานการณ์ผู้สูงอายุปัจจุบัน
เวลาพูดว่าประเทศไทยกำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ เราอาจจะนึกภาพไม่ออกว่าสถานการณ์มันระดับไหน ซึ่งในงานครั้งนี้ก็ได้รับเกียรติจากพี่แอน ภรณี ภู่ประเสริฐ ผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนสุขภาวะประชากรกลุ่มเฉพาะ สสส. มาเล่าถึงสถานการณ์ปัจจุบันของประเด็นผู้สูงอายุที่น่าสนใจให้เราฟัง
เริ่มจากปัจจุบันประเทศไทยมีประชากรประมาณ 13 ล้านคนที่อยู่ในช่วงวัยของผู้สูงอายุ คิดเป็น 19.20% ของประชากรทั้งหมด ซึ่งการเพิ่มขึ้นของผู้สูงอายุนำมาสู่โจทย์ทางสังคมแบบใหม่ ทั้งในเรื่องโรคภัยไข้เจ็บ ที่อยู่อาศัย การใช้ชีวิต โดยพบว่ากว่า 32% ของผู้สูงอายุใช้ชีวิตเองตามลำพัง
การเริ่มคิดหาแนวทางในการรับมือกับสภาพสังคมที่เปลี่ยนไปจึงเป็นส่วนสำคัญ โดยพี่แอนในนามของสสส. เล่าว่าแม้สสส. จะไม่ได้มีหน้างานโดยตรงในประเด็นดังกล่าว แต่การมีสุขภาวะที่ดีของประชาชนก็ถือเป็นพันธกิจอีกหนึ่งอย่าง ซึ่งส่วนที่สสส.มุ่งเน้นในการสนับสนุนจึงเป็นเรื่องของการส่งเสริมการสร้างนวัตกรรมทางสังคมในประเด็นผู้สูงอายุ โดยได้มีการดำเนินการต่อเนื่องมาหลายปีจนปัจจุบัน
หลังจากฟัง Insight จากองค์กรที่เกี่ยวเนื่องในนามของรัฐ ก็เข้ามาสู่ช่วง Ignite โดยได้มีการเชิญนวัตกรในประเด็นสังคมผู้สูงอายุมาแลกเปลี่ยนแบ่งปันประสบการณ์และตัวนวัตกรรมที่ตนกำลังผลักดัน ถือเป็นการเปิดมุมมองและ “จุดประกาย” ความคิดได้อย่างดีทั้งในประเด็นสังคมผู้สูงอายุและนวัตกรรมทางสังคม
DPharm Home ระบบแจ้งเตือนการกินยาเพื่อความสบายใจของทุกฝ่าย
Pain Point หลักคือการแจ้งเตือนการลืมกินยา แต่พอเป็นเรื่องของเราคนเดียวเราก็อาจจะคิดถึงการตั้งนาฬิกาปลุก การแปะโพสต์อิทไว้ตามที่ต่าง ๆ
สิ่งที่ DPharm Home จาก Smart HealthTech เล็งเห็นและขยับไปอีกขั้น คือการตีโจทย์ผ่านการกินยาและโครงสร้างความสัมพันธ์ในครอบครัว กล่าวคือการแจ้งเตือนการกินยาจะครอบคลุมไปถึงมิติที่มากกว่าแค่กินยาให้ตรงเวลาเพื่อผลการรักษาทางการแพทย์ แต่มันรวมไปถึงความสบายใจของลูกหลานที่สามารถตรวจเช็คได้ผ่านระบบว่าวันนี้พ่อแม่หรือญาติของตนกินยาไปแล้วหรือยัง ครบจำนวนหรือไม่ ผ่านการแจ้งเตือนเข้าสู่ระบบที่คนกินก็สามารถตรวจสอบได้ในกรณีที่กินไปแล้วแต่ลืมว่ากินหรือยัง
นอกจากนี้ยังมีการยกระดับตัวแอพลิเคชันไปถึงการทำหน้าที่เป็นเครื่องมือบันทึกข้อมูลทางการแพทย์ในระดับครอบครัว คือการเพิ่มสมาชิกในครอบครัวเข้าไปแล้วทำการลงบันทึกของแต่ละคนว่ามีประวัติทางการแพทย์อย่างไร แพ้ยาหรือไม่ ปัจจุบันกินยาอะไรอยู่
ตอนที่พี่เค้าเล่าถึงประเด็นว่าแม้แต่กรณีที่เรามีสัตว์เลี้ยง เราก็สามารถบันทึกได้ว่าเคยมีการฉีดวัคซีนใดไปแล้วบ้าง นานเท่าไร และต้องฉีดอีกครั้งเมื่อไร นี่จึงเป็นเรื่องที่ไปได้ไกลกว่าประเด็นผู้สูงอายุไปได้ไกลมาก ๆ
DPharm Home ที่ทั้งลักษณะเครื่องสำหรับติดตั้งในบ้าน เหมาะสำหรับผู้สูงอายุที่อาจจะใช้งานโทรศัพท์มือถือไม่สะดวก ในขณะเดียวกันก็มีแอพลิเคชันสำหรับครอบครัวที่ใช้สมาร์ทโฟนได้คล่อง โดยมีค่าบริการเริ่มต้นสำหรับการใช้งานระบบอยู่ที่ประมาณ 90 บาทต่อเดือนเท่านั้น
ตอนที่ฟังแรก ๆ รู้สึกว่าเป็นอะไรที่ไม่ใกล้ตัวเท่าไร แต่พอฟังมาถึงท่อนบันทึกประวัติการแพทย์นี่รู้สึกว่าน่าสนใจมาก ๆ
OLDK มาเก็ตเพลซนักกายภาพบำบัดที่หวังให้ลดต้นทุนการเข้าถึงนักบำบัดของผู้สูงอายุ
เมื่อพูดถึง Marketplace เราทุกรู้ว่ามันไม่ใช่เรื่องใหม่หรือชวนตื่นเต้น แต่ใครจะคิดว่าพื้นไอเดียที่เรียบง่ายที่สุดกลับทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
OLDK ไม่ได้เป็นอะไรมากไปกว่า “ตลาด” ที่พานักกายภาพบำบัดให้มาเจอกับผู้ที่สนใจเข้ารับบริการ แต่สิ่งที่ OLDK พยายามจะทำให้มากขึ้นคือทำให้พื้นที่นี้ทำหน้าที่เป็นพื้นที่กลางได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเริ่มจากการการันตีคุณภาพของนักกายภาพบำบัด มีระบบการสอบทานความมาตรฐานของนักกายภาพที่จะอยู่ในแพล็ตฟอร์ม เพื่อให้แน่ใจว่าจะสามารถส่งต่อประโยชน์ให้ผู้ใช้งานได้ตามที่คาดหวัง
โดย OLDK มองเห็นถึงความยากลำบากในการเข้าถึงนักกายภาพบำบัด ทั้งในส่วนของต้นทุนทางเศรษฐกิจอย่างค่าเดินทาง รวมถึงความลำบากและข้อจำกัดเฉพาะของผู้ใช้บริการโดยเฉพาะผู้สูงอายุที่อาจจะไม่ได้สามารถเดินทางได้สะดวกแม้จะไม่มีปัญหาเรื่องค่าใช้จ่าย จึงอยากให้แพล็ตฟอร์มนี้เป็นจุดเชื่อมเพื่อลดภาระดังกล่าว และยังสามารถส่งเสริมให้ผู้สูงอายุได้เข้าถึงบริการด้านนี้มากขึ้น
เยือนเย็น เมื่อการตายเป็นเรื่องที่ต้องเตรียมตัวแต่เนิ่น ๆ
หลังจากฟังการจุดประกายจากทั้งสองนวัตกรรม งานก็ดำเนินเข้าสู่ช่วง Inspire เพื่อหวังเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้เข้าร่วมได้มองเห็นภูมิทัศน์ของประเด็นสังคมผู้สูงอายุที่มากขึ้น ทำให้เรารู้ว่านอกจากเรื่องโรคภัยไข้เจ็บแล้ว ความตายก็เป็นสิ่งที่สังคมเราจะต้องรับมืออย่างสร้างสรรค์มากขึ้นในอนาคต
เยือนเย็น เป็นวิสาหกิจเพื่อสังคม ที่ทำธุรกิจดูแลผู้ป่วยโดยมุ่งเน้นให้ผู้ป่วยมองความตายด้วยวิธีใหม่ ผ่านแนวคิดการดูแลรักษาผู้ป่วยแบบ Palliative care ที่การรักษาจะต้องคำนึงถึงความต้องการของผู้ป่วยเป็นสำคัญ
ในกลุ่มผู้ป่วยโรคร้ายแรงลุกลาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งโรคมะเร็ง สิ่งที่ปฏิเสธไม่ได้คือยังไม่มีการรักษาที่ทำให้หายขาดได้แน่นอน 100% นั่นทำให้การเป็นมะเร็งนอกจากจะส่งผลต่อร่างกายแล้วยังส่งผลต่อจิตใจของผู้ป่วยอีกด้วย นำมาสู่การที่ผู้ป่วยหลาย ๆ คนเมื่อรู้ว่าตนเป็นมะเร็งจึงมักปฏิเสธการรักษาและกลับไปใช้ชีวิตอยู่ที่บ้านดีกว่า
เยือนเย็นบอกเราว่า แม้การได้ชีวิตช่วงบั้นปลายอยู่ที่บ้านอาจะเป็นทางที่ดีกว่า แต่การยุติการรักษาก็อาจจะยังไม่ใช่ทางที่ดีที่สุด นั่นคือส่วนที่ Palliative care เข้ามามีบทบาทสำคัญ โดยทำหน้าที่บำบัดรักษาแบบ patient-centric คือมองความต้องการผู้ป่วยเป็นสำคัญ ควบคู่ไปกับการรักษาเพื่อให้การลุกลามของโรคไม่กระทบกระเทือนกับ “ความสุข” ของการใช้ชีวิตประจำวัน
และเยือนเย็นยืนยันว่านี่ไม่ใช่การรักษาแบบประคับประคองอาการไปเรื่อย ๆ หรือแค่เป็นการดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้ายจนกว่าจะตาย แต่ตั้งเป้าว่าให้ผู้ป่วยและครอบครัวที่เข้าร่วมโครงการมอง “ความตาย” อย่างไม่รังเกียจเดียดฉันท์ กลับกันให้มองภาพล่วงหน้าไปว่าวันหนึ่งจะต้องตายไม่ว่าจะป่วยหรือไม่ ซึ่งจากจุดนี้จนถึงจุดนั้น จะดีกว่าหากเราวางแผนการมีชีวิตอย่างมีความสุขได้ในทุก ๆ วัน เพราะไม่มีใครรู้ว่าวันสุดท้ายจะมาถึงได้เมื่อไร นี่จึงไม่ใช่การยุติการรักษา แต่เป็นทางเลือกการรักษาที่ให้เวลากับการใช้ชีวิตของผู้ป่วยมากกว่าเวลาการรักษาตัวในโรงพยาบาล
ในช่วงอายุประมาณนี้เวลาที่เรามองถึงประเด็นผู้สูงอายุเราก็มักจะคิดถึงคนที่บ้านหรือคนที่สูงอายุไปเรียบร้อยแล้ว แต่การมางานครั้งนี้กลับทำให้เราได้คิดถึง “ตัวเอง” ในมุมที่จะต้องเตรียมรับมือกับการเข้าสู่วัยสูงอายุ สิ่งที่ต้องคิดและต้องทำ
ซึ่งเมื่อคิดแบบนี้ก็ทำให้เราเข้าใจผู้สูงอายุที่บ้านมากขึ้นในหลาย ๆ ประเด็นที่เขาเองก็อาจจะกำลังประสบภาวะในลักษณะเดียวกัน เพียงแต่เขามีเวลาในการเตรียมตัวไม่มากพอแล้ว ต้องขอบคุณ YoungHappy มาก ๆ ที่จัดงานแบบนี้ขึ้นมา
เข้าใจว่างานในลักษณะนี้จะมีการจัดอยู่เป็นประจำ จึงอยากเชิญชวนใครที่สนใจในประเด็นสังคมผู้สูงอายุสามารถติดตามข้อมูลข่าวสารได้ทาง facebook ของ YoungHappy และไปร่วมฟังเรื่องราวน่าสนใจในประเด็นดังกล่าวด้วยกัน