เพราะเราเป็นเพียงจุดเล็ก ๆ ในจักรวาล: InsKru กับการยืนยันว่าทุกแรงผลักดันไม่ได้เริ่มมาจากศูนย์
ถอดแรงบันดาลใจจากบทแนะนำตัวของ InsKru ในงาน Good Society Day 2024 ที่ส่งต่อแนวคิดว่าทุกการขับเคลื่อนของเรามีแรงส่งจากผู้อื่นอยู่ด้วยเสมอ
เมื่อวันศุกร์ที่ 24 มีนาคม ณ สถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย (TIJ) ได้มีการจัดกิจกรรม Good Society Day 2024: Connect the Good dots ขึ้น เพื่อรวบรวม ส่งเสริม สร้างแรงบันดาลใจให้คนทำงานขับเคลื่อนประเด็นสังคมได้มีพื้นที่พบปะ พูดคุย แลกเปลี่ยนเพื่อสร้างสรรค์ความเปลี่ยนแปลง และช่วยเยียวยาจิตใจให้กันและกัน ถือเป็นกิจกรรมดี ๆ ที่อยากให้มีขึ้นบ่อย ๆ
ภาพรวมกิจกรรมของงานทั้ง 2 วัน คือมีเวที Talk เสวนาแลกเปลี่ยนแนวคิดการทำงาน จุดประกายการเปลี่ยนแปลง การแบ่งปัน insight การทำงานและการเข้าถึงทุนในการดำเนินโครงการตลอดทั้งวันแบบไม่มีพัก ด้านนอกมีการจัดแสดงกิจกรรมที่น่าสนใจกว่า 40 กิจกรรมจากหลายองค์กรเพื่อสังคมที่ทำงานขับเคลื่อนมาอย่างเข้มข้น ในช่วงบ่ายของแต่ละวันจะมี session กึ่ง workshop ที่พาเราไปพูดคุยเจาะลึกถึงประเด็นหลากหลาย ทั้งการทำงานสื่อสาร การเยียวยาใจคนทำงาน รวมถึงพื้นที่ให้คำปรึกษาด้านโครงการและการขอทุน เป็นกิจกรรมจัดเต็มที่ดีต่อคนทำงานอย่างแท้จริง เรียกว่าใครมาร่วมงานนี้ จะต้องได้แรงบันดาลใจ และ network คนทำงานที่น่าสนใจติดไม้ติดมือกลับไปอย่างแน่นอน
บรรยากาศงานเป็นไปอย่างเรียบง่าย ส่วนที่ชอบคือทุกคนดูมีพลังที่จะพูดคุย แลกเปลี่ยน และทำความรู้จักกันอย่างเป็นมิตร friendly ทั้งกับคนทำงานอยู่เดิมและคนที่กำลังริเริ่มอยากทำงานเพื่อการเปลี่ยนแปลงบางอย่าง
ถ้าให้เล่าเกี่ยวกับงาน คงมีรายละเอียดยิบย่อยหลากหลายจนต้องร่ายกันยืดยาว วันนี้จึงอยากเล่าถึงเรื่องที่ทำงานกับเราที่สุด ประทับใจเราที่สุด และอยากส่งต่อ muse นี้ออกไปให้มากที่สุดในกลุ่มคนทำงานด้วยกัน
InsKru: Inspire ครู เพราะครู Inspire เรา
ถ้าใครได้ติดตามอ่านอยู่ตลอด จะรู้ว่าสิ่งที่อินที่สุดของผู้เขียน คือการส่งต่อแรงบันดาลใจให้กันและกันจนเกิดเป็น Impact ในสังคม
ในส่วนของกิจกรรม Talk ช่วงต้น มีการแนะนำคนทำงานขับเคลื่อนจากหลากหลายประเด็น มาเล่าถึง very first dot ของแต่ละคนที่ผลักดันจนกลายเป็นคนทำงานเปลี่ยนแปลงในปัจจุบัน มีเรื่องราวน่าสนใจหลากหลายไม่ว่าจะเป็น WeVis ที่ชวนคิดถึงสิทธิที่จะได้หวัง มูลนิธิด้วยกัน ที่พูดเรื่องโอกาสของผู้คน YoungHappy พูดถึงการทำงานบนพื้นฐานของฝันที่เราอยากจะเป็น และ loopers ที่ถูกผลักดันจากผู้บริโภคที่ไม่เคยสนใจประเด็นสิ่งแวดล้อมมาก่อน
แต่คนที่ muse เราที่สุดในครั้งนี้ จำเป็นอย่างมากที่จะต้องยกให้กับ InsKru คอมมิวนิตี้ครูที่ต้องการแบ่งปันไอเดียการสอนที่ส่งเด็กไปสู่อนาคตที่ดีขึ้น
เรื่องราวของนะโม เริ่มด้วยการพูดถึงเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ คนหนึ่งที่เติบโตมาในโรงเรียนซึ่งเป็นธุรกิจของครอบครัว ทำให้เธอถูกเลือกปฏิบัติจากคุณครูมาตลอด จนเมื่อย้ายออกจากโรงเรียนนั้นได้เธอจึงเริ่มออกท่องโลกกว้างจนได้พบกับครูที่เป็นแรงบันดาลใจให้เธออยากเจริญรอยตาม นะโมเริ่มทำงานอาสาเกี่ยวกับการเรียนการสอนเพื่อวิ่งตามความฝัน จนกระทั่งในช่วงเปลี่ยนผ่านของชีวิตเธอได้เลือกเรียนคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์และเหมือนห่างหายจากการเรียนการสอนไปพักหนึ่ง ก่อนกลับมาทำเรื่องนี้อีกครั้งในช่วงทำโปรเจ็คจบ ซึ่งผลักดันให้เธอได้พบเจอผู้คนมากมายที่กลายเป็นแรงบันดาลใจให้เกิดเป็น InsKru และประสบความสำเร็จอย่างในปัจจุบัน
เราคงเริ่มปรบมือกันตรงนี้ หากสไลด์ถัดไปของนะโมจะไม่ใช่ภาพจักรวาลที่มีลูกศรชี้ไปยังจุดเล็ก ๆ จุดหนึ่ง เธอเริ่มสไลด์นี้ด้วยการบอกว่า “แต่การเกิดขึ้นของ InsKru ไม่ได้เริ่มมาจากศูนย์” ก่อนที่เธอจะเริ่มพาเราไปรู้จักกับ “muse” ทั้งหลายที่เป็นรากฐานในการเกิด InsKru
นะโมพาเราไปรู้จักกับ “คนทำงาน” ที่ผลักดันเรื่องเหล่านี้มาก่อนมากมาย ทั้ง Teach for Thailand Saturday School พลเรียน ก่อการครู รวมถึงพื้นที่การทำงานที่เคยช่วยสนับสนุนในด้านต่าง ๆ โดยเล่าว่าแต่ละทีมเป็นแรงบันดาลใจให้เธอตรงไหน แต่ละส่วนกอปรต่อก่อร่างกลายเป็น InsKru อย่างไร เล่าไปก็บ่นไปที่หลาย ๆ กลุ่ม หลาย ๆ แห่งต้องปิดตัวลงไปแล้วทั้งที่มีประโยชน์คนทำงานตัวเล็ก ๆ อย่างเธอในช่วงนั้นมาก นะโมเล่าไปถึงว่าตัวโปรเจ็คจบของเธอเอง ก็เป็นโปรเจ็คที่มีคนสนใจผลักดันอยู่ก่อนแล้ว มีคนเริ่มทำงานมาก่อนระดับหนึ่งแล้ว เล่าถึงขั้นว่าตัวเอง “แค่หยิบ” สิ่งนี้มาทำต่อเท่านั้น
เรื่องที่ทำให้เราประทับใจ ไม่ใช่เรื่องความอ่อนน้อมถ่อมตน แต่เป็นเรื่องที่เราเชื่ออย่างสุดใจจากสิ่งที่นะโมเล่าว่าบุคคลเหล่านี้คือผู้คนที่เป็นแรงบันดาลใจของเธอจริง ๆ เป็นกลุ่มคนที่เริ่มทำมาก่อน สู้มาก่อน และเธออยากจะเชิดชูคนเหล่านี้ขึ้นมาจริง ๆ
เช่นเดียวกับ muse foundation ที่เราพยายามพูดถึงวัฒนธรรมของการส่งต่อแรงบันดาลใจ ที่เน้นย้ำว่ามันเป็นสิ่งที่ได้รับมา มีใครบางคน “muse” เราให้อยากทำสิ่งนี้ การทำงานของเรา จึงเป็นการเชิดชูประวัติศาสตร์ของคนทำงานผู้มาก่อน ผู้สำเร็จและล้มเหลวที่มักไม่ถูกพูดถึงในเรื่องราว หลายต่อหลายครั้งเมื่อเรามองไปยังคนทำงานเพื่อสังคมที่ประสบความสำเร็จ เรามักจะมุ่งเป้าไปที่การถอดบทเรียนความสำเร็จของ “คนทำ” และมอง “แรงบันดาลใจ” เป็นเพียงจุดเริ่มต้นโดยไม่ได้มองเห็นมันในฐานะความเชื่อมโยงอย่างแนบแน่นของ “ความบันดาลใจ” ที่ผู้คนส่งต่อให้กัน
จึงอดไม่ได้แบบสุด ๆ ที่จะพุ่งเข้าไปทำความรู้จักกับนะโม พูดคุยกันอยู่พักหนึ่งฟังเรื่องราวหลาย ๆ อย่างแล้วก็ชวนต่อยอดประเด็นที่อยากสื่อสารให้คนทำงานทั้งหลายได้อีกมากมาย
เราทุกคนเป็นจุดเล็ก ๆ ที่รวมกันจนเป็นพลังอันยิ่งใหญ่ นี่น่าจะเป็นธีมสำคัญของตัวงานที่ทุกคนต่างพยายามขมวดไปให้ถึง ซึ่งนะโมช่วยตอกย้ำเรื่องนี้ว่าการรวมกันในจักรวาลนี้ไม่ได้หมายถึงแค่กลุ่มดาวที่ยังโคจรอยู่ แต่ยังรวมถึงกลุ่มดาวที่หายลับไปแล้ว ทั้งที่เหลือและไม่เหลือร่องรอย
ในงานเราได้พูดคุยกับหลายคนในเรื่องของปัญหาการทำงาน เรื่องแรงใจคนทำงาน และภาวะหมิ่นเหม่ของการหมดไฟในคนทำงาน เราคิดว่าสิ่งที่นะโมบอกเราคือตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุดที่อยากบอกทุกคน (และนะโม) ว่า
แม้วันหนึ่งเราจะต้องหยุดหรือล้มลง ขอให้เชื่อเถิดว่าสิ่งที่เราทำจะกลายเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้คนในอนาคตได้ เป็น muse ให้ผู้คนได้
และ muse foundation อยากทำงานบันทึกเรื่องราวของดาวทุกดวงเพื่อส่งต่อสิ่งนี้ไปสู่อนาคตให้ได้
ขอบคุณงานดี ๆ ที่พาให้มาพบกับผู้คนเจ๋ง ๆ มากมาย